ผู้เขียน: Ashley Lewis (Page 1 of 4)

 เหล็กกล่องแบนมีลักษณะยังไง เหมาะใช้งานรูปแบบใดบ้าง ?

เหล็กกล่องแบนเป็นวัสดุก่อสร้างที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมการก่อสร้างสมัยใหม่ ด้วยลักษณะเฉพาะตัวที่แตกต่างจากเหล็กรูปทรงอื่นๆ ทำให้มีการใช้งานที่กว้างขวางและเหมาะสมกับงานก่อสร้างหลากหลายประเภท

ลักษณะของเหล็กกล่องแบน

เหล็กกล่องแบนมีลักษณะเป็นท่อเหล็กที่มีหน้าตัดเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า โดยมีความกว้างมากกว่าความสูง ซึ่งทำให้เกิดลักษณะที่เรียกว่า “แบน” นั่นเอง ผนังของเหล็กกล่องแบนจะมีความหนาสม่ำเสมอทั้งสี่ด้าน และภายในเป็นโพรงกลวง การผลิตจะใช้วิธีการรีดเย็นหรือรีดร้อน ทำให้ได้ความแข็งแรงและความทนทานสูง

ขนาดของเหล็กกล่องแบนจะแตกต่างกันไปตามมาตรฐานการผลิต โดยทั่วไปจะมีความกว้างตั้งแต่ 40-300 มิลลิเมตร ความสูงตั้งแต่ 20-200 มิลลิเมตร และความหนาของผนังตั้งแต่ 1.5-12 มิลลิเมตร ผิวหน้าของเหล็กกล่องแบนจะเรียบและมีความแข็งแรงเหมาะสำหรับการเชื่อมต่อและการติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ

การใช้งานในงานก่อสร้าง

เหล็กกล่องแบนมีความเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับงานโครงสร้างอาคาร เช่น การทำคานรับแรง เสาหลัก และโครงสร้างหลังคา เนื่องจากรูปทรงที่แบนทำให้สามารถรับแรงกดและแรงดึงได้ดี นอกจากนี้ยังใช้ในการสร้างโครงสร้างโรงงาน คลังสินค้า และอาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ที่ต้องการความแข็งแรงสูง

ในงานตกแต่งภายใน เหล็กกล่องแบนสามารถนำมาประยุกต์ใช้ทำเฟอร์นิเจอร์ เช่น โต๊ะ เก้าอี้ ชั้นวางของ และโครงสร้างตู้ต่างๆ ความแบนของรูปทรงทำให้สามารถติดตั้งแผ่นไม้หรือวัสดุหุ้มผิวได้ง่าย และให้ความสวยงามในแบบโมเดิร์น

การใช้งานในอุตสาหกรรม

ในภาคอุตสาหกรรม เหล็กกล่องแบนมักใช้ในการสร้างโครงสร้างเครื่องจักร ขาตั้งอุปกรณ์ และเฟรมสำหรับเครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆ ความแข็งแรงและความสามารถในการรับน้ำหนักได้ดีทำให้เหมาะสมกับงานหนัก

การใช้งานในระบบขนส่งก็เป็นอีกหนึ่งการประยุกต์ใช้ที่สำคัญ เช่น โครงสร้างรถบรรทุก ตู้คอนเทนเนอร์ และโครงสร้างรถไฟ ความแบนของรูปทรงช่วยให้ประหยัดพื้นที่และลดน้ำหนักของโครงสร้างได้

 

เหล็กกล่องแบนเป็นวัสดุที่มีคุณสมบัติดีเยี่ยม เหมาะสำหรับการใช้งานที่หลากหลาย ทั้งงานก่อสร้าง อุตสาหกรรม และงานตกแต่ง ความแข็งแรง ทนทาน และราคาที่เหมาะสมทำให้เหล็กกล่องแบนเป็นตัวเลือกที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องในวงการก่อสร้างและอุตสาหกรรม

 

 …

ด้านมืดของความงาม! รู้ทันความเสี่ยงของภาวะ Overfill Syndrome

สุทรียศาสตร์แห่งความงามอาจเป็นเรื่องที่น่าหลงใหล แต่จะเกิดอะไรขึ้นหากหัตถการเหล่านั้นกลับเผยด้านมืดออกมา เมื่อคุณล้ำเส้นความ ‘พอดี’ จนกลายเป็นเสพติด พร้อมพารู้จักความเสี่ยงที่เกิดจากการทำโปรแกรมฟิลเลอร์อย่างภาวะ ‘Overfill Syndrom’ ที่เกิดได้ทั้งจากการเติมฟิลเลอร์ซ้ำ ๆ หน้าล้น เพราะรู้สึกไม่เต็ม และอาจเกิดจากการตกเป็นทาสการตลาดของคลินิกไร้จรรยาบรรณ หวังขายเพื่อดันยอดซื้อจนลืมคำนึงถึงการประเมินความเหมาะสม หากคุณเป็นหนึ่งคนที่เคยประสบปัญหาเหล่านี้ ต้องห้ามกดออกอย่างเด็ดขาด!

Overfill Syndrome หายนะจากความสวยที่เกินพอดี

กลุ่มอาการ Overfill Syndrome หมายถึง ภาวะที่เกิดขึ้นเมื่อฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มในปริมาณที่มากเกินไปจนทำให้เกิดอาการหน้าล้น ผิดรูป และอีกหลาย ๆ ปัญหา เพราะถึงแม้ว่าสารเติมเต็มไฮยาลูรอนิกหรือ ‘ฟิลเลอร์’ จะเป็นเป็นสารเครื่องสำอางที่ใช้กันทั่วไปในแวดวงของการทำหัตถการเพื่อคืนความงาม ความอ่อนเยาว์ พร้อมปรับรูปหน้าและริ้วรอยให้เรียบขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อใช้สารเติมเต็มเหล่านี้มากเกินไปหรือใช้อย่างไม่เหมาะสม ก็อาจจะนำไปสู่ลักษณะที่ไม่สมดุลและไม่เป็นธรรมชาติได้

 

ความเสี่ยงจากอาการ Overfill Syndrome 

 

  • เสี่ยงเป็นก้อน ดูไม่เป็นธรรมชาติ 
  • ลักษณะใบหน้าไม่สมส่วน บิดเบือนความสมดุล ทำให้ไม่กลมกลืนไปตามธรรมชาติ
  • ผลที่ตามมาในระยะยาวอาจรวมถึงเนื้อสัมผัสและความยืดหยุ่นของผิวหนังที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งส่งผลให้ใบหน้าดูมีอายุ ไม่อ่อนเยาว์
  • อาจเกิดผลกระทบทางจิตใจ เช่น ปัญหาการเห็นคุณค่าในตนเองและภาพลักษณ์ทางกายในแง่ลบ

 

แนวทางการรักษาและรับมือ Overfill Syndrome

 

สำหรับใครที่รู้สึกตัวแล้วว่าใบหน้าของตัวเองกำลังเข้าสู่อาการ Overfill Syndrome คือดูล้น ยิ้มแล้วฟิลเลอร์ขึ้นเป็นก้อน ไม่สมส่วน ดูหน้าบวม สามารถติดต่อกับแพทย์เจ้าของเคสเพื่อการทำปรึกษา และหาแนวทางแก้ไข โดยใช้ยาสลายฟิลเลอร์เพื่อลดปริมาตรของสารเติมเต็มลงให้สมดุล อย่างไรก็ตาม การป้องกันเอาไว้ก่อนก็ย่อมดีกว่ามาแก้ไข ฉะนั้น การเริ่มต้นตั้งแต่ขั้นตอนเลือกคลินิกและแพทย์จึงสำคัญมาก เพราะถ้าทั้งคู่มีจรรยาบรรณ มีประสบการณ์ ก็จะช่วยให้คำปรึกษาพร้อมประเมินใบหน้าได้อย่างเหมาะสม ไร้ปัญหาการยัดเยียดโปรแกรม รวมถึงการช่วยยับยั้งช่างใจ ไม่ให้เติมจนดูไม่เป็นธรรมชาติได้นั่นเอง

 …

ทำ 5 พฤติกรรมจนเป็นนิสัย บ้านเป็นระเบียบและน่าอยู่ขึ้นแน่นอน

“บ้าน” จะน่าอยู่มากขึ้นหากได้รับการดูแลอย่างดี จัดระเบียบให้เรียบร้อย ข้าวของอยู่เป็นที่เป็นทางดูสะอาดตา และโล่งโปร่ง แต่เราเข้าใจดีกว่าการจะต้องทำความสะอาดบ้านแบบจัดเต็มทุกวันก็คงเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก และเกินจริงในบางครั้ง คนส่วนใหญ่จึงเลือกที่จะทำความสะอาด และจัดระเบียบบ้านทุกสัปดาห์ ทุกเดือน หรือบางครั้งอาจปล่อยไว้จนกว่าจะมีเวลาจึงมาทำความสะอาด ทำให้บ้านอาจดูรก ไม่เป็นระเบียบ และทำให้บ้านไม่น่าอยู่ และไม่เหมาะกับการพักผ่อนด้วย

แต่ในบทความนี้เรามี 5 พฤติกรรมง่าย ๆ ที่ใช้เวลาไม่นาน ที่หากคุณทำจนติดเป็นนิสัยจะช่วยให้บ้านของคุณน่าอยู่ และเป็นระเบียบมากขึ้นใน ๆ ทุกวัน และทำให้เมื่อคุณทำความสะอาดบ้านแต่ละครั้งนั้นง่ายขึ้นด้วย  

 

5 สิ่งที่ควรทำเป็นนิสัย เพื่อบ้านที่น่าอยู่ขึ้น

 

 

สิ่งแรกที่ควรทำให้ติดเป็นนิสัยเพื่อบ้าน และห้องที่ดูเป็นระเบียบก็คือการเก็บที่นอนทุกเช้า ด้วยการพับผ้าห่ม หรือปูผ้าห่มคลุมเตียง และจัดหมอนให้เป็นระเบียบทุกเช้า ซึ่งแม้ว่าจะฟังดูยุ่งยากแต่จริงๆ แล้วขั้นตอนนี้ใช้เวลาไม่ถึง 5 นาทีด้วยซ้ำ เตียงที่ถูกเก็บเป็นระเบียบจะทำให้บ้านดูสะอาดตา แถมเมื่อกลับบ้านมาเตียงก็จะดูน่านอนกว่าเดิมอีกด้วย

 

  • ทิ้งขยะทุกวัน หรือวันเว้นวัน 

 

การนำขยะไปทิ้งทุกวัน จะลดการสะสมของขยะในบ้าน ทำให้บ้านดูสะอาด ไม่มีกลิ่นเหม็น และยังช่วยทำให้ไม่มีสัตว์ที่มาพร้อมสิ่งสกปรกอย่างหนู และแมลงต่าง ๆ อีกด้วย

 

  • ใส่เสื้อผ้าลงตระกร้าทุกครั้งหลังถอด ไม่วางพาดบนโซฟา โต๊ะ หรือเก้าอี้

 

อีกหนึ่งนิสัยที่ควรทำเสมอก็คือการใส่เสื้อผ้าใช้แล้วลงตระกร้าทุกครั้ง โดยไม่พาดเสื้อผ้าเอาไว้บนโต๊ะ เก้าอี้ โซฟา หรือมุมต่าง ๆ ของบ้าน เพราะสุดท้ายแล้วเราจะลืมใส่ตะกร้า ลืมซัก และมีตัวใหม่ ๆ มาวางเพิ่มจนกองนั้นสูงขึ้นเรื่อย ๆ 

 

  • ล้างจานทันทีหลังทานข้าวเสร็จ

 

จานชามใช้แล้วที่วางทิ้งไว้เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้บ้านดูสกปรก และไม่น่าอยู่ การบล้างจานทันทีหลังทานข้าวเสร็จเสมอ ไม่วางทิ้งไว้และผลัดวันประกันพรุ่งในการล้างจะทำให้บ้านดูสะอาดและน่าอยู่ขึ้นมาก

 

  • คิดให้ดีก่อนซื้อของใหม่เข้าบ้าน

 

คุณควรคิดให้ดีก่อนซื้อของใหม่เข้าบ้าน โดยให้คิดว่าจะเก็บที่ไหน จะใช้จริงไหม เพราะการคิดก่อนซื้อจะช่วยลดจำนวนของในบ้าน ทำให้บ้านไม่รก มีที่ไว้เก็บของจำเป็นเท่านั้น

 

เพียงสร้างนิสัย 5 อย่างนี้ คุณก็จะเห็นได้ชัดเจนว่าบ้านดูสะอาดตา เป็นระเบียบ และน่าอยู่มากขึ้นกว่าที่เคย และทุกอย่างนี้ใช้เวลาไม่นาน และไม่ได้ยุ่งยากเลยสักนิด

 …

รวม 3 ความสำคัญของเสื้อการ์ดขี่มอเตอร์ไซค์ที่คุณต้องรู้

เสื้อการ์ดขี่มอเตอร์ไซค์หรือแจ็กเกตสำหรับขี่มอเตอร์ไซค์นั้นเป็นหนึ่งในอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการขับขี่มอเตอร์ไซค์ ยิ่งในกลุ่มผู้ขับขี่บิ๊กไบค์ที่มักจะขับขี่ทางไกล หรือขับขี่ด้วยความเร็ว การเซฟตัวเองด้วยเสื้อการ์ดขี่มอเตอร์ไซค์ที่มีคุณภาพนั้น ถือว่าเป็นสิ่งที่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง หลาย ๆ คนอาจจะมองว่าเสื้อการ์ดหรือแจ็กเกตนั้นไม่จำเป็นและไม่คุ้มค่า แต่บอกเลยว่าการมีเสื้อการ์ดที่ดีนั้น จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยรวมถึงเพิ่มความอุ่นใจให้ทุกการขับขี่อีกด้วย วันนี้เราจะพาทุกคนไปดูกันว่าทำไมเสื้อการ์ดจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการขับขี่มอเตอร์ไซต์

 

 

เพราะเป็นอุปกรณ์ขับขี่ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัย

เสื้อการ์ดขี่มอเตอร์ไซค์นั้นถูกเรียกว่าเสื้อการ์ดก็เพราะเป็นเสื้อที่เหมือนกันการ์ดป้องกันผู้ขับขี่จากอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ซึ่งจะเน้นการป้องกันในส่วนที่สำคัญของร่างกายมากกว่าบริเวณอื่น ๆ ไม่ว่าจะเช่นช่วงบริเวณหลัง หน้าอก หัวไหล่หรือคอ เพราะเป็นส่วนที่ได้รับการบาดเจ็บได้ง่ายนั่นเอง

 

เพราะช่วยทำให้คุณดูดีได้มากยิ่งขึ้น

เมื่อมีรถมอเตอร์ไซค์ที่สวยงามพร้อมลุยไปกับคุณทุกที่แล้ว การมีเสื้อการ์ดที่มีคุณภาพ ดีไซน์สวย ทันสมัยและดูสปอร์ตนั้น จะช่วยให้คุณขับขี่ได้อย่างมั่นใจมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะในสถานการณ์แบบไหนคุณก็จะยังดูดีอยู่เสมอ

 

ลดการบาดเจ็บเมื่อเกิดอุบัติเหตุได้ดี

นอกจากเสื้อการ์ดขี่มอเตอร์ไซค์จะช่วยป้องกันบริเวณที่สำคัญบนลำตัวจากอุบัติเหตุต่าง ๆ แล้ว ก็ยังช่วยป้องกันผิวหนังของผู้ขับขี่จากการเสียดสีกับท้องถนนเมื่อเกิดอุบัติเหตุอีกด้วย ซึ่งหากเกิดอุบัติเหตุที่ไม่ร้ายแรงมาก ก็ถือว่าช่วยเซฟผู้ขับขี่ให้ไม่มีรอยแผลเป็นหรือแผลถลอกได้อย่างดี แต่ถ้าหากเป็นอุบัติเหตุที่รุนแรง ก็อาจจะเกิดบาดแผลได้เช่นกัน แต่ไม่ว่าจะอย่างไร กันไว้ก่อนก็ดีกว่าเสมอ

 

สำหรับคนที่กำลังตัดสินใจอยู่ว่าจะซื้อเสื้อการ์ดขี่มอเตอร์ไซค์ดีไหม หลังจากอ่านบทความนี้แล้วก็น่าจะเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมเสื้อการ์ดจึงมีความสำคัญต่อการขับขี่มอเตอร์ไซค์ 

« Older posts

© 2025 UNDO

Theme by Anders NorenUp ↑